Health

  • เกลื้อน โรคที่เกิดได้ทุกเพศทุกวัย
    เกลื้อน โรคที่เกิดได้ทุกเพศทุกวัย

    เกลื้อน เป็นโรคทางผิวหนังที่เกิดจากการใส่เสื้อผ้าอับชื้น หรือจาการที่ออกกำลังกายและมีเหงื่อออกมามากๆ เป็นโรคเชื้อราในกลุ่มในยีสต์ชนิดหนึ่ง มักจะไม่ค่อยมีอาการ แต่จะเป็นเรื้อรัง ซึ่งจะพบทั่วไปในผิวคนปกติ พบมากในบริเวณ หน้าอก หลัง ใบหน้า ลักษณะผื่นราบ สีขาว เป็นขุย อาจมีหลายสี เช่น สีดำ หรือน้ำตาลแดง โรคเกลื้อนสามารถหายเองโดยไม่ต้องรักษาแต่ป้องกันได้

    เกลื้อน คือโรคอะไร

    เกลื้อน (Tinea Versicolor) เป็นโรคติดเชื้อราที่ผิวหนังทั่วไปชนิดหนึ่ง เกิดจากราที่อาศัยอยู่ตามผิวหนัง ปรากฏในลักษณะเป็นดวงเล็กๆ ที่อาจมีสีเข้มหรือสีอ่อนกว่าสีผิวปกติบริเวณรอบ โดยมักเกิดขึ้นที่ลำตัวหรือต้นแขน และหากปล่อยไว้ไม่ได้รับการรักษาก็จะสามารถรวมตัวกันและขยายเป็นดวงใหญ่ขึ้น

    สามารถเกิดได้กับทุกเพศทุกวัย และมักถูกเข้าใจผิดว่าเกิดจากการไม่รักษาความสะอาดของร่างกาย และสามารถติดต่อไปสู่ผู้อื่นได้ ซึ่งความจริงแล้วไม่ได้เป็นเช่นนั้น อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เป็นแล้วมักมีโอกาสกลับไปเป็นอีกครั้งได้ง่ายแม้รักษาหายแล้ว จึงควรเรียนรู้การวิธีการรักษและวิธีการป้องกันการติดเชื้อราเพื่อไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำอีก

    อาการของโรคเกลื้อน

    ลักษณะของการติดเชื้อรอาจสังเกตได้ดังนี้

    • มีดวงขึ้นเป็นสีขาว ชมพู แดง หรือน้ำตาล โดยจะมีสีเข้มหรืออ่อนกว่าผิวหนังปกติบริเวณรอบ
    • อาจขึ้นเป็นดวงเดียวหรือหลายดวงก็ได้
    • สามารถเกิดบนร่างกายทุกส่วน แต่มักพบบริเวณลำตัว คอ ต้นแขน และหลัง
    • ดวงเกลื้อนอาจจางลงหรือหายไปเมื่อสภาพอากาศเย็น หรืออาการอาจแย่ลงหากอากาศร้อนหรือชื้น
    • อาจทำให้ผิวแห้ง ตกสะเก็ด หรือคัน
    • บางคนที่เป็นผิวหนังอาจไม่ได้แสดงการเปลี่ยนแปลงลักษณะหรือสีอย่างเห็นได้ชัด

    สาเหตุของโรคเกลื้อน

    เกิดจากเชื้อรามาลาสซีเซีย (Malassezia) ที่อยู่ตามผิวหนัง โดยปกติผิวของคนเราส่วนใหญ่จะมีเชื้อราชนิดนี้อยู่แล้ว แต่จะส่งผลให้ติดเชื้อก็ต่อเมื่อมีมากกว่าปกติ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เชื้อรานี้เติบโตขึ้นก็ยังไม่แน่ชัด แต่สันนิษฐานว่ามีปัจจัยที่เป็นตัวเร่ง ได้แก่

    • อากาศร้อนและชื้น
    • ผิวมัน
    • มีเหงื่อออกมากเกินไป
    • ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
    • อยู่ในช่วงวัยรุ่น หรือช่วงอายุ 20 ปีตอนต้น

    ทั้งนี้การเกิดไม่เกี่ยวกับการไม่รักษาสุขอนามัยแต่อย่างใด โดยสามารถเกิดได้กับทุกเพศทุกวัย แต่พบได้บ่อยในวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ตอนต้น และจะไม่แพร่ไปสู่ผู้อื่น เพราะคนส่วนใหญ่มักมียีสต์มาลาสซีเซียอยู่บนผิวหนังอยู่แล้ว

    การวินิจฉัยและการรักษาโรคเกลื้อน

    สามารถตรวจดูได้ด้วยการใช้ตาเปล่าสังเกตลักษณะของดวงเกลื้อน หรือแพทย์อาจใช้แสงอัลตร้าไวโอเล็ตส่องวินิจฉัย โดยหากเป็นการติดเชื้อจากเชื้อราตัวดังกล่าวจะส่งผลให้ผิวบริเวณนั้นเรืองแสงขึ้น ในกรณีที่การสังเกตลักษณะไม่อาจวินิจฉัยได้ชัดเจน แพทย์จะทำการเก็บตัวอย่างเชื้อรา ด้วยการขูดเอาเซลล์ผิวหนังบริเวณที่ติดเชื้อเบา ๆ แล้วนำไปส่องด้วยกล้องจุลทรรศน์เพื่อดูว่ามีเชื้อที่เป็นสาเหตุอยู่หรือไม่

    โรคเกลื้อนสามารถรักษาให้หายด้วยยาต้านเชื้อราที่อาจอยู่ในรูปแบบแชมพู ครีม หรือยารับประทานก็ได้

    • แชมพูขจัดเชื้อรา 

    ในขั้นแรกของการรักษา แพทย์มักแนะนำให้ใช้แชมพูขจัดเชื้อราที่ประกอบด้วยตัวยาต้านเชื้อรา เช่น คีโตโคนาโซล (Ketoconazole) หรือซีลีเนียมซัลไฟด์ (Selenium sulphide) ซึ่งแพทย์อาจสั่งจ่ายแชมพูนี้ให้ผู้ป่วย หรือหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปก็ได้

    การรักษาใช้ทาบนบริเวณผิวหนังที่ติดเชื้อราทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที ค่อยล้างออก และควรทาซ้ำนาน 5-7 วัน ข้อควรระวังในการใช้คือยานี้สามารถทำให้เกิดการระคายเคืองหรือแสบร้อนผิวหนัง โดยเฉพาะตัวยาซีลีเนียมซัลโฟด์ที่มีความรุนแรงและมีกลิ่นแรงกว่า สามารถนำไปผสมน้ำเพื่อทำให้เจือจางลงก่อนทา

    • ครีมหรือเจลขจัดเชื้อรา 

    กรณีที่ผิวหนังติดเชื้อราเพียงจุดเล็ก ๆ อาจรักษาด้วยครีมขจัดเชื้อรา โดยทาวันละ 1-2 ครั้ง ลงบนผิวหนังเช่นเดียวกับการใช้แชมพู แต่ไม่ต้องล้างออก ครีมต้านเชื้อรานี้บางครั้งอาจก่อให้เกิดอาการแสบร้อนที่ผิวหนัง แต่พบได้ไม่บ่อยครั้ง ยาต้านเชื้อราประเภทครีม ได้แก่ โคลไตรมาโซล (Clotrimazole) ไมโครนาโซล (Miconazole) และเทอร์บินาฟีน (Terbinafine) เป็นต้น

    • ยาต้านเชื้อรา 

    ผิวหนังที่ติดเชื้อราเป็นบริเวณกว้าง หรือการใช้แชมพูและครีมไม่ได้ผล ผู้ป่วยอาจได้รับยาชนิดรับประทานจากแพทย์ เช่น ฟลูโคนาโซล (Fluconazole) และไอทราโคนาโซล (Itraconazole) เป็นระยะเวลา 1-4 สัปดาห์ ซึ่งส่วนใหญ่ยานี้มักไม่ค่อยพบผลข้างเคียงการใช้ แต่หากมีก็อาจทำให้มีผื่นคัน รู้สึกป่วย และปวดท้องในระหว่างที่รับประทานยานี้

    ยา ครีม และแชมพูขจัดรังแคเหล่านี้อาจต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์หรือเป็นเดือนกว่าผิวหนังจะกลับมาเป็นสีปกติ หรืออาจต้องรักษาซ้ำหากเป็นนานหรือกลับไปเป็นอีกครั้ง ส่วนผู้ป่วยที่เป็นเกลื้อนบ่อยครั้งและมีอาการรุนแรง แพทย์อาจพิจารณาสั่งจ่ายยาต้านเชื้อราให้รับประทาน 2-3 ครั้งต่อเดือน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้ออีก

    เกลื้อน

    การป้องกันโรคเกลื้อน

    โรคเกลื้อนมีโอกาสกลับไปเป็นอีกครั้งได้ง่าย แม้ว่าจะรักษาหายไปแล้ว โดยเฉพาะช่วงหน้าร้อนหรือเมื่ออากาศร้อนชื้น การป้องกันการติดเชื้อราอีกครั้งสามารถทำได้ด้วยการใช้แชมพูขจัดเชื้อราเป็นประจำ ทุก 2-4 สัปดาห์ หรือวันละ 1 ครั้ง ในช่วง 2-3 วันก่อนออกไปทำกิจกรรมที่ต้องสัมผัสอากาศร้อนนาน ๆ หรือทำให้มีเหงื่อออกมาก

    นอกจากการใช้แชมพูขจัดเชื้อราทำความสะอาดเป็นประจำแล้ว ยังมีข้อปฏิบัติที่ทำได้ดังนี้

    • เลี่ยงการทำให้เหงื่อออกมาก
    • เลี่ยงการเผชิญแสงแดดเท่าที่จะทำได้ เนื่องจากจะกระตุ้นให้อาการแย่ลงและเห็นชัดขึ้น อาจใช้หมวกหรือผ้าคลุมกันแดด
    • ควรทาครีมกันแดดทุกวัน เลือกใช้สูตรที่มีความมันน้อย และมี SPF 30 ขึ้นไป
    • เลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ทาผิวที่เป็นน้ำมันหรือมีส่วนผสมของน้ำมัน
    • เลือกสวมเสื้อผ้าที่ระบายความร้อนและความชื้น เพื่อลดเหงื่อออก เช่น ผ้าฝ้าย
    • หลีกเลี่ยงการใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่นจนเกินไป

    การใช้สมุนไพรรักษาโรคเกลื้อน

    เหมาะสำหรับผู้ที่ยังมีผื่นไม่มากนัก ซึ่งก็มีสมุนไพรอยู่เป็นร้อยชนิดที่มีสรรพคุณเป็นยารักษาเกลื้อน

    • กุ่มบก (Crateva adansonii subsp. trifoliata (Roxb.) Jacobs) ใช้ใบสดนำมาตำแล้วพอกบริเวณที่เป็น
    • ข่า (Alpinia galanga (L.) Willd. ) ใช้เหง้าแก่ขนาดเท่าหัวแม่มือ นำมาตำให้ละเอียดเติมเหล้าโรงผสมลงไปเล็กน้อย ใช้ทาบริเวณที่เป็นบ่อยๆ จนกว่าจะหาย
    • ชุมเห็ดเทศ (Senna alata (L.) Roxb.) ใช้ใบสดนำมาตำให้ละเอียดหรือขยี้ใช้ถูทาบริเวณที่เป็นนานๆ และบ่อยๆ
    • มะคำดีควาย (Sapindus trifoliatus L.) ให้ใช้ผลนำมาทุบให้แตก แช่น้ำหรือต้มกับน้ำ แล้วนำน้ำที่ได้มาทาบริเวณที่เป็น
    • ทองพันชั่ง (Rhinacanthus nasutus (L.) Kurz) ใช้ใบสดประมาณ 5-8 ใบ นำมาตำให้ละเอียดเติมเหล้าโรงผสมลงไปเล็กน้อย แล้วนำมาทาบริเวณที่เป็น
    • อัคคีทวาร (Rotheca serrata (L.) Steane & Mabb.) ใช้ต้นสดตำพอกบริเวณที่เป็น
    • กระเทียม (Allium sativum Linn.) ไม่แนะนำให้ใช้เพราะอาจทำให้ผิวหนังไหม้และเกลื้อนไม่หาย ส่วนรอยด่างขาวซึ่งเกิดจากเชื้ออาจติดอยู่นานถึงแม้จะไม่มีเชื้อแล้วก็ตาม

    การดูแลและป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นเกลื้อนซ้ำอีก

    ควรปฏิบัติตัวตามคำแนะนำดังต่อไปนี้

    • ตัดเล็บมือเล็บเท้าให้สั้น และหมั่นล้างมือให้สะอาด อย่าแกะหรือเกาเพราะจะทำให้เชื้อลุกลามได้
    • ควรรักษาความสะอาดของร่างกายให้สะอาดอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้เหงื่อไคลหมักหมม โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน ถ้ามีเหงื่อออกมากก็ให้อาบน้ำฟอกสบู่บ่อยๆ และเช็ดตัวให้แห้งทุกครั้ง โดยเฉพาะบริเวณซอก เช่น รักแร้ ขาหนีบ ง่ามนิ้ว เป็นต้น
    • ไม่ควรใส่เสื้อซ้ำกันโดยที่ยังไม่ได้ซัก เสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว ควรจะซักและนำออกมาผึ่งแดดแรงๆ ให้แห้งก่อนนำมาใช้อีกครั้ง (เมื่อหายเป็นแล้ว ควรนำเสื้อผ้าที่เคยใส่ไปต้มหรือรัดด้วยความร้อนจัดเพื่อฆ่าเชื้อจะได้ไม่กลับมาเป็นซ้ำอีก)
    • ไม่สวมเสื้อผ้าที่หนาและคับ แต่ควรเป็นเสื้อผ้าที่มีเนื้อบางและเย็นแบบหลวมๆ แขนสั้น หรือที่ไม่รัดจนอึดอัด และไม่ใส่เสื้อผ้าที่อับเหงื่อตลอดทั้งวัน
    • ควรอยู่ในที่ที่เย็นสบายมีอากาศถ่ายเทได้ดี ไม่อับชื้น ถ้าอยู่ที่บ้านก็ให้เปิดพัดลมให้อากาศถ่ายเทอยู่เสมอ เปิดม่านออกให้แสงแดดเข้าบ้างในตอนเช้า
    • หลังการทำงานหรือเล่นกีฬาที่ทำให้มีเหงื่อออกมากก็ไม่ควรปล่อยให้เหงื่อหมักหมมเป็นเวลานาน (ผู้ที่ทำงานในที่โล่งแจ้งเมื่อร้อนและมีเหงื่อออกมาก เมื่อมีโอกาสในช่วงพักเที่ยงควรถอดเสื้อออกผึ่งเสื้อให้แห้ง แล้วจึงค่อยใส่ซ้ำในช่วงบ่าย แต่ถ้าเป็นไปได้ควรเปลี่ยนเสื้ออีกตัวในภาคบ่าย อย่าใส่เสื้อที่หมักเหงื่อและเปียกตลอดทั้งวัน)
    • ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น เสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว ผ้าปูที่นอน
    • ในเด็กเล็กที่เป็นเกลื้อน ผู้ปกครองไม่ควรรักษาเอง แต่ควรพาไปพบแพทย์ เพราะการเลือกชนิดยาและปริมาณยาจะแตกต่างกับที่ใช้ในผู้ใหญ่ และในเด็กเล็กมักจะมีผลข้างเคียงจากการใช้ยาสูงกว่าถ้าใช้ในขนาดที่ไม่เหมาะสม
    • ผู้ป่วยที่เคยเป็นเกลื้อน แม้จะรักษาจนหายดีแล้วก็อาจกลับมาเป็นซ้ำได้อีก เพราะเชื้อราที่เป็นสาเหตุเป็นเชื้อราที่อยู่ในร่างกายของคนเราเป็นปกติวิสัยอยู่แล้ว ผู้ป่วยจึงมักจะวินิจฉัยโรคนี้ด้วยตัวเองและสามารถซื้อยาจากร้านขายยามาใช้เองได้ แต่ต้องให้เภสัชกรอธิบายการใช้ยาให้ฟังอย่างละเอียด เพราะยาแต่ละชนิดจะมีวิธีการใช้ ระยะเวลาการใช้ และมีผลข้างเคียงในการใช้ที่แตกต่างกัน และหากเคยแพ้ยาอะไรมาก่อนก็ต้องแจ้งให้เภสัชกรทราบด้วย
    • ในกรณีที่พบผื่นตามลักษณะข้างต้นและไม่แน่ใจว่าเป็นโรคเกลื้อนหรือไม่ หรือในรายที่เป็นและได้รักษาด้วยการใช้ยารักษาด้วยตนเองมาสักระยะหนึ่งแล้วแต่ผื่นยังไม่ดีขึ้น หรือในกรณีที่พบผื่นขึ้นในบริเวณอื่นที่แปลกออกไป ที่จะมีวิธีรักษาและการใช้ยารักษาที่แตกต่างกัน ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาอย่างถูกต้องต่อไป

    การป้องกันเกลื้อนกลับมาเป็นซ้ำ

    ในบางรายเมื่อรักษาแล้วอาการอาจกำเริบขึ้นมาได้อีก ซึ่งในกรณีนี้อาจป้องกันได้ด้วยการทาครีมรักษาโรคเชื้อราทุกเดือน เดือนละ 2 วันติดกัน โดยให้ทาวันละ 2 ครั้งเช้าและเย็นหลังอาบน้ำ หรือให้ทาสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ประมาณ 2-3 เดือน หรือให้ทาแชมพูเซลซันเดือนละ 1 ครั้ง หรือแชมพูคีโตโคนาโซล 1 ครั้ง ทุกๆ 2 สัปดาห์ หรือให้กินยาคีโตโคนาโซลหรือไอทราโคนาโซล ขนาด 400 มิลลิกรัม เดือนละ 1 ครั้ง ประมาณ 6 เดือน (ควรปรึกษาแพทย์และเภสัชกรก่อนใช้ยาเสมอ)

    แต่ถ้ายังเป็นแบบเป็นๆ หายๆ เรื้อรัง ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ เพราะอาจมีภาวะบางอย่างที่สนับสนุนให้เกิดโรคได้ เช่น เอดส์ วัณโรค ภาวะโลหิตจาง ขาดอาหาร การตั้งครรภ์ การได้รับสเตียรอยด์ติดต่อกันเป็นเวลานานๆ เป็นต้น

    ข้อควรระวัง : ห้ามใช้ครีมสเตียรอยด์เพื่อทารักษาเกลื้อน เพราะอาจจะทำให้โรคที่เป็นอยู่ลุกลามได้ ถ้าจะซื้อยามาใช้เอง จะต้องระวังอย่าซื้อยาที่เข้าสเตียรอยด์มาใช้ และอย่าใช้ยาน้ำที่ทาแล้วแสบๆ หรือยาที่มีฤทธิ์ลอกผิว หรือขี้ผึ้งเบอร์ต่างๆ ก็ไม่ควรใช้เช่นกัน เพราะจะไม่ค่อยได้ผล ซึ่งในบางรายอาจทำให้ผิวหนังไหม้และเกิดการอักเสบได้ แต่ทางที่ดีที่สุดคุณควรปรึกษาเภสัชกรทุกครั้งก่อนใช้ยาทุกชนิด

     

    โรคเกลื้อนไม่ได้ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนใดๆ ต่อร่างกาย แต่อาจส่งผลให้ผู้ป่วยรู้สึกอับอายจากการเป็นโรค เนื่องจากสามารถสังเกตเห็นได้ชัด และคนส่วนใหญ่มักมีความเข้าใจว่าโรคกลากและเกลื้อนนั้นเกิดจากการไม่รักษาความสะอาด แม้แท้จริงแล้วการเกิดโรคนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องสุขอนามัยแต่อย่างใด

     

    เรื่องเกี่ยวกับสุขภาพอื่นๆ ที่น่าสนใจ

     

    ที่มาของบทความ

     

    ติดตามเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพได้ที่  kerrileefolds.com

    สนับสนุนโดย  ufabet369

Economy

  • หัวหน้า Centrica เตือนค่าพลังงานจะยังคงสูง
    หัวหน้า Centrica เตือนค่าพลังงานจะยังคงสูง

    หัวหน้า Centrica เตือนค่าพลังงานจะยังคงสูงในอนาคตอันใกล้

    ค่าพลังงานมีแนวโน้มที่จะสูงในอนาคตอันใกล้

    ตามที่หัวหน้าของบริษัทที่เป็นเจ้าของ British Gas กล่าว

    Chris O’Shea ผู้บริหารระดับสูงของ Centrica กล่าวว่าในขณะที่เขาเชื่อว่าวิกฤตพลังงานที่เลวร้ายที่สุดสิ้นสุดลงแล้ว แต่ความเสี่ยงยังคงอยู่

    ราคาสูงสุดใหม่จะมีผลบังคับใช้ในสุดสัปดาห์นี้ ซึ่งจะเห็นครัวเรือนที่มีการใช้พลังงานโดยทั่วไปต้องจ่าย 2,074 ปอนด์

    นาย O’Shea กล่าวว่าราคาได้ลดลงจากการเพิ่มขึ้น ที่เกิดจากสงครามรัสเซีย แต่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในระยะยาว

    “ผมคิดว่าวิกฤตการณ์ขั้นแรกจบลงแล้ว” เขากล่าว “ผมคิดว่าสิ่งที่เราต้องจำคือราคาพลังงานพุ่งขึ้นกว่าสองเท่าก่อนที่รัสเซียจะบุกยูเครน

    “ตอนนี้ราคากลับลงมาที่ระดับก่อนการบุกรุก แต่ก็ยังเป็นสองเท่าของค่าเฉลี่ยในระยะยาว”

    ค่าก๊าซและไฟฟ้าจะลดลงต่ำกว่าระดับ 2,500 ปอนด์

    ที่ได้รับการอุดหนุนจากรัฐบาลภายใต้โครงการประกันราคาพลังงาน

    อย่างไรก็ตาม ภายใต้เพดานราคาใหม่ซึ่งกำหนดโดยหน่วยงานกำกับดูแล Ofgem ค่าครัวเรือนจะยังคงแพงกว่าเมื่อสองปีที่แล้วถึง 800 ปอนด์

    ในขณะเดียวกัน บริษัทที่ปรึกษา Cornwall Insight ประเมินว่าการเปลี่ยนแปลงเพดานราคา ซึ่งเป็นการจำกัดค่าใช้จ่ายที่บริษัทสามารถเรียกเก็บต่อหน่วยก๊าซและไฟฟ้า จะทำให้ค่าพลังงานสำหรับผู้บริโภคทั่วไปลดลงเป็น 1,871 ปอนด์ต่อปีตั้งแต่เดือนตุลาคม

    จากนั้นคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 1,900 ปอนด์ตั้งแต่เดือนมกราคม

    ค่าพลังงานสูงสุดคืออะไร และเกิดอะไรขึ้นกับบิล
    นาย O’Shea กำลังพูดกับ BBC ในขณะที่ Centrica ประกาศว่าจะเพิ่มปริมาณก๊าซที่เก็บไว้ในโรงเก็บ Rough นอกชายฝั่งยอร์กเชียร์เป็นสองเท่าก่อนฤดูหนาวนี้

    แม้จะมีการจัดเก็บเพิ่มเติม แต่เขากล่าวว่ามีอันตรายที่สหราชอาณาจักรเสี่ยงที่จะพึงพอใจเกี่ยวกับความยืดหยุ่นของแหล่งพลังงานของประเทศซึ่งยังคงเสี่ยงต่อแรงกระแทกจากภายนอก

    “ผมคิดว่ามีอันตรายที่เราพึงพอใจ เพราะฤดูหนาวที่แล้วไม่เป็นไร และเพราะตอนนี้ราคาค่อนข้างคงที่” เขากล่าว

    “แต่เมื่อเรามีปัญหาระหว่างกลุ่ม Wagner และกองทัพรัสเซียเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เราเห็นว่าราคาพลังงานสูงขึ้นประมาณ 20% กิจกรรมทางเศรษฐกิจของจีนในขณะนี้ค่อนข้างต่ำ หากเริ่มดีขึ้น เราจะเห็นความต้องการมากขึ้นสำหรับ ก๊าซในรูปของ LNG [Liquified Natural Gas] จากนั้นเราจะเห็นว่าราคาก๊าซในยุโรปสูงขึ้น ดังนั้นอาจมีความผันผวนมากขึ้นในอนาคต”

     หัวหน้า Centrica เตือนค่าพลังงานจะยังคงสูง

    สหราชอาณาจักรมีระดับการจัดเก็บก๊าซที่ต่ำที่สุดในยุโรป

    โรงเก็บ Rough ซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งยอร์กเชียร์ 18 ไมล์ ถูกระงับอย่างมีประสิทธิภาพในปี 2559 เนื่องจากการเชื่อมต่อก๊าซและไฟฟ้าใหม่ไปยังยุโรป หมายความว่าระบบดังกล่าวถือว่าซ้ำซ้อน

    มันถูกนำกลับมาให้บริการบางส่วนในเดือนตุลาคมปีที่แล้ว โดยมีปริมาณการใช้ก๊าซโดยเฉลี่ยของสหราชอาณาจักรเป็นเวลาสามวัน ตั้งแต่วันศุกร์ ปริมาณก๊าซจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเป็นหกวัน ทำให้ปริมาณสำรองทั้งหมดของสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้นเป็น 12 วัน

    “ไม่มีแหล่งกักเก็บก๊าซที่เพียงพอ มันอาจจะมีความยืดหยุ่นมากกว่านี้” นายโอเชียกล่าว “แต่มันดีกว่าที่เป็นอยู่มาก ดังนั้นเราจึงเพิ่มความจุเป็นสองเท่า และเราไม่ควรมองข้ามสิ่งนี้สร้างความแตกต่างอย่างมาก”

    ในทางตรงกันข้าม เยอรมนีมีก๊าซสำรอง 90 วัน ฝรั่งเศสมี 103 วัน และเนเธอร์แลนด์มีก๊าซ 123 วัน

    Centrica กล่าวว่าต้องการเห็นกำลังการผลิตของ Rough เพิ่มขึ้นเป็นมูลค่า 27 วัน แต่ต้องใช้เงินลงทุน 2 พันล้านปอนด์ ซึ่งในทางกลับกัน นาย O’Shea กล่าวว่าจะต้องได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลผ่านโครงสร้างการกำหนดราคาพิเศษ

    เมื่อมองไปข้างหน้าถึงฤดูหนาว หัวหน้าของ Centrica

    ยอมรับว่าลูกค้าจำนวนมากพบว่าเป็นการยากที่จะจ่ายค่าพลังงานในช่วงเวลาที่ค่าอาหารและค่าที่พักสูงขึ้น

    บริติชแก๊สตกเป็นเป้าเมื่อต้นปีนี้เมื่อหนังสือพิมพ์ The Times เปิดเผยว่าผู้รับเหมาที่ทำงานให้กับบริษัทกำลังติดตั้งเครื่องวัดการชำระเงินล่วงหน้าในบ้านของลูกค้าที่มีช่องโหว่

    เครื่องวัดการชำระเงินล่วงหน้าแบบบังคับถูกระงับทั่วทั้งอุตสาหกรรมชั่วคราว

    ตอนนี้พวกเขาสามารถติดตั้งได้อีกครั้ง แต่ Ofgem กล่าวว่าลูกค้าต้องได้รับโอกาสมากขึ้นในการเคลียร์หนี้ และห้ามมิให้ติดตั้งมิเตอร์ในบ้านที่มีผู้พักอาศัยที่มีอายุมากกว่า 85 ปี

    Centrica เป็นเรื่องของการสืบสวนของ Ofgem

    ที่กำลังดำเนินอยู่ บริษัทได้นำกิจกรรมการเก็บหนี้มาใช้ภายในองค์กร แต่นาย O’Shea กล่าวว่ายังมีปัญหาในการบอกความแตกต่างระหว่างผู้ที่ไม่ยอมจ่ายกับคนที่ไม่สามารถจ่ายได้อย่างแท้จริง

    เขาแนะนำคำตอบคือแนะนำอัตราค่าไฟฟ้าทางสังคมสำหรับลูกค้าที่ขัดสนที่สุดที่ได้รับทุนจากภาษีทั่วไป

    “การสนับสนุนจากรัฐบาลที่นำมาใช้กับการประกันราคาพลังงานนั้นมีประโยชน์อย่างเหลือเชื่อสำหรับผู้คน แต่ก็ไม่ตรงเป้าหมาย” เขากล่าว “ดังนั้นมันจึงช่วยคนรวยที่สุดเท่าที่ช่วยคนจนที่สุดในสังคม

    “สิ่งที่เราต้องการเห็นคืออัตราค่าไฟฟ้าทางสังคมสำหรับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือมากที่สุดได้รับความช่วยเหลือมากที่สุด และผู้ที่ไม่ได้รับความช่วยเหลือใดๆ”

    เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจในเว็บของเรา

    จู๊ด เบลลิงแฮม,แรชฟอร์ดนำสไตล์ฟุตบอลมาสู่ปารีสแฟชั่นวีค

    แมนฯ ซิตี้,เชลซีตกลง 30 ล้านปอนด์สำหรับมาเทโอ โควาซิช

    วิธีกำจัดเหา ให้หาย จบปัญหาลูกเกาหัวหยิกๆ

    มารยาทญี่ปุ่น 101: คำแนะนำและข้อห้ามที่สำคัญ (2)

    โอซาซูน่ากำลังคุมเกมอยู่ กดดันมาดริดให้ถอย

    ขอบคุณรูปภาพจาก pexels.com

    แหล่งที่มา https://www.bbc.com/news/business

    สามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ kerrileefolds.com